รองปลัดคลังสวนกลับ คตง.-สตง.หมิ่นศาล-กั๊กข้อมูล-ปกปิดความผิดตัวเอง
18 พ.ค. 2559 16:15 ดูดไขมัน
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวในฐานะเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าจะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่กรณีที่คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ระบุว่า บมจ.ปตท. (PTT) คืนท่อก๊าซให้กระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนและรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐว่า ข้อกล่าวหาทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าว ปราศจากเหตุและผลทุกประการ
นอกจากนั้น ยังมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงที่สำคัญที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้ทำความเห็นไปยังศาลปกครองและศาลปกครองได้ตอบยืนยันเป็นทางการแล้วว่าการแบ่งแยกทรัพย์สินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้ง คตง. และ สตง.ก็รู้ว่าที่ประชุมใหญ่ศาลปกครองสูงสุดก็มีคำวินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่า การแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว การที่ คตง.และ สตง. ยังเห็นว่าไม่ครบจึงเท่ากับเป็นการดูหมิ่นศาลปกครอง
อีกทั้งยังปกปิดความผิดของตัวเองที่รับรองงบการเงินของ บมจ.ปตท.ที่ผ่านมาอย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่ สตง. เป็นผู้ทักท้วงว่าการแบ่งแยกทรัพย์สินยังไม่ครบถ้วน รวมทั้งละเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกากรณีที่มีปัญหาโดยได้ข้อยุติต่อไป แต่กรณีนี้การพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่เป็นที่ยุติ คตง.กับ สตง.กลับมาสรุปเองว่าการแบ่งแยกทรัพย์สินยังไม่ครบถ้วน และใช้อำนาจกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และรายงานเท็จ
นายอำนวย กล่าวว่า พฤติกรรมของ คตง.และ สตง.ดังกล่าวเป็นการบั่นทอนขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตเป็นอย่างยิ่ง
สำหรับข้อเท็จจริงที่ คตง.และ สตง. ตั้งใจไม่แถลงให้สื่อมวลชนและประชาชนทราบ คือ ประเด็นที่ 1 เรื่องความครบถ้วนถูกต้องของทรัพย์สินที่ .ปตท.ต้องแบ่งแยกและโอนให้กระทรวงการคลังนั้น ครม.มีมติมอบหมายกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังไปแบ่งแยกทรัพย์สินให้เป็นไปตามคำพิพากษา โดยให้ สตง.ตรวจสอบและรับรองความถูกต้อง ทั้งนี้หากมีข้อโต้แย้งทางกฎหมายให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกาให้เป็นที่ยุติต่อไป
กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดำเนินการ กรมธนารักษ์จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการตรวจสอบและแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษา โดยในระหว่างนั้น ปตท.ก็ได้รายงานผลการดำเนินการให้ศาลปกครองสูงสุดทราบทุกระยะ โดยดำเนินการตรวจสอบรายการทรัพย์สินที่จะแบ่งแยกเสร็จสิ้นและรายงานให้กระทรวงการคลังเห็นชอบ จากนั้นลงนามในบันทึกแบ่งแยกทรัพย์สินเมื่อวันที่ 24 ก.ย.51
จากนั้นวันที่ 11 มิ.ย.51 กระทรวงการคลังได้แจ้งการตรวจสอบและแบ่งแยกทรัพย์สินของ ปตท.ที่จะโอนมาให้เพื่อให้ สตง.ตรวจสอบ หลังจากนั้นได้ไปจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามกฎหมายตามจังหวัดต่างๆ ที่เป็นที่ตั้งของทรัพย์สินครบถ้วนเมื่อวันที่ 28 พ.ย.51 ปตท.ถึงรายงานสรุปผลการดำเนินการต่อศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ 25 ธ.ค.51 และศาลมีความเห็นว่าดำเนินการตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว
ต่อมาเมื่อวันที่ 20 ก.พ.52 สตง.มีหนังสือลับถึงศาลปกครองสูงสุดและนายกรัฐมนตรี โดยเห็นว่าการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคำพิพากษายังไม่ครบ โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า "ทั้งนี้การดำเนินการแบ่งแยกและส่งมอบทรัพย์สินของ บมจ. ปตท. ให้กระทรวงการคลัง ตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดจะครบถ้วนและเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดซึ่งคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดถือเป็นที่ยุติ"
วันที่ 10 มี.ค.52 ศาลปกครองได้มีหนังสือตอบ สตง.ว่า ศาลปกครองได้ติดตามการดำเนินการตามคำพิพากษาและรายงานให้ศาลทราบ ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ถูกฟ้อง คดีที่ 1-4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
"เอกสารฉบับลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 และวันที่ 10 มีนาคม 2552 นี้ คตง. และ สตง. ตั้งใจปกปิดไม่แถลงต่อสื่อมวลชนและประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นการให้ข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ในระหว่างดำเนินการก็ได้มีผู้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองเพื่อให้วินิจฉัยว่าการแบ่งแยกและโอนทรัพย์สินดังกล่าว ยังไม่ครบถ้วนอีกหลายครั้ง ซึ่งศาลปกครองก็ได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องและยืนยันท้ายคำฟ้องมาโดยตลอดว่าผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 4 ได้แบ่งแยกและโอนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้วดูดไขมัน
โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 ที่ประชุมตุลาการศาลปกครองสูงสุดก็ได้มีมติยืนยันเช่นเดียวกันว่าผู้ถูกฟ้องคดี ได้แบ่งแยกและโอนทรัพย์สินตามคำพิพากษาเรียบร้อยแล้ว ในส่วนนี้ คตง.และ สตง. ก็จงใจปิดบังไม่ให้ข้อเท็จจริงแก่สื่อมวลชนและประชาชน" นายอำนวย กล่าว
ข้อเท็จจริงอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ สตง.เป็นผู้ตรวจสอบและรับรองงบการเงินของ บมจ.ปตท.โดย สตง.รับรองแบบไม่มีเงื่อนไขมาโดยตลอด ทั้งที่ สตง.เองเป็นผู้ทักท้วงมาโดยตลอดว่า ปตท.โอนทรัพย์สินไม่ครบ เท่ากับว่า สตง.ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และผู้ถือหุ้นของ ปตท. ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดจรรยาบรรณอย่างร้ายแรงและต้องมีผู้รับผิดชอบ
ส่วนประเด็นเรื่องการละเว้นไม่ปฏิบัติตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 18 ส.ค.50 และรายงานข้อมูลอันเป็นเท็จนั้น กรมธนารักษ์จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาทำการตรวจสอบและแบ่งแยกทรัพย์สินและเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ คณะกรรมการได้รายงานให้กรมธนารักษ์ทราบและขอความเห็นชอบจากผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก ครม. โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพลังงานได้รายงานให้ ครม. รับทราบ รายงานศาลปกครอง เพื่อพิจารณาว่าเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่ และรายงาน สตง. เพื่อตรวจสอบตามมติ ครม. จึงเป็นแนวทางปฏิบัติราชการปกติทั่วไป ครม. มิได้มีมติให้ สตง. ตรวจสอบและรับรองความถูกต้องก่อน แล้วจึงให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลัง รายงาน ครม.หรือศาลปกครองแต่อย่างใด
การดำเนินการของกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ และ บมจ.ปตท. จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ครม.มอบหมาย และมิได้มีการรายงานข้อเท็จจริงอันเป็นเท็จแต่ประการใด
หลังดูดไขมันหน้าท้อง
Wednesday, May 18, 2016
ADVANC เข้ายื่นเอกสารร่วมประมูล 900 MHz พร้อมวางหลักประกัน 3.7 พันลบ.กับ กสทช.แล้ว
ADVANC เข้ายื่นเอกสารร่วมประมูล 900 MHz พร้อมวางหลักประกัน 3.7 พันลบ.กับ กสทช.แล้ว
18 พ.ค. 2559 16:18 ชุดกระชับส่วน
ตัวแทนจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) คือ นายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา และนายอุทัย เพ็ญรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานกฎหมาย เข้ายื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. พร้อมทั้งวางหลักประกัน 3,783 ล้านบาท เพื่อเข้าประมูลแข่งราคาในวันที่ 27 พ.ค.59 นี้
ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญทั้ง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามายื่นเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ทางบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ส่งตัวแทนเข้ายื่นเอกสารเพื่อเข้าประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz พร้อมวางหลักค้ำประกันเป็นแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ(BBL) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มูลค่า 3,783 ล้านบาทตามกำหนด
หลังจากนี้ในวันที่ 23 พ.ค.จะเข้าสู่กระบวนกการประกาศคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล หลังจากนั้นคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็จะตรวจสอบและประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ และในวันที่ 25 พ.ค.จะเข้าสู่การทดสอบระบบประมูล (MOC Auction) ก่อนที่จะมีการเคาะราคาในวันที่ 27 พ.ค.โดยจะเริ่มเปิดต้นการประมูลตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป ณ ราคาตั้งต้น 75,654 ล้านบาท
นายฐากร กล่าวว่า แม้ว่าอาจมีผู้ประมูลเพียงรายเดียว คือ AWN เพราะยังไม่มีรายอื่นเข้ามยื่นเอกสารในขณะนี้ แต่กระบวนการก็จะต้องจัดประมูลตามที่ กสทช.กำหนดไว้ทุกกระบวนกการ โดยผู้เข้าประมูลจะต้องเคาะเพื่อยืนยันที่ราคาตั้งต้นเป็นครั้งแรก ซึ่งหากมีรายเดียวก็จะเป็นผู้ชนะการประมูลครั้งนี้ในการเคาะครั้งแรกดังกล่าวชุดกระชับส่วน
นอกจากนี้ หลังการประมูลดำเนินการเสร็จสิ้น ทางสำนักงาน กสทช.จะส่งผลการประมูลให้ กสทช.พิจารณารับรองผลในวันเดียวกัน เพื่อให้กระบวนการเปิดใช้งาน 4G บนคลื่น 900 MHz ในส่วนที่เหลือดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด โดย AWN จะมีระยะเวลาในการนำเงินมาชำระค่าประมูลภายใน 90 วันหลังจากสรุปผลการประมูล ซึ่งคาดว่าคงจะนำมาชำระก่อน 30 มิ.ย.59
นายฐากร กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดประมูลครั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 18 ล้านบาท แต่คงใช้ไม่ถึง โดยอาจจะใช้เพียง 10 ล้านบาท ซึ่งกสทช.จะนำไปรวมเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ นอกเหนือจากที่ริบเงินวางประกัน จำนวน 644 ล้านบาท โดยกระบวนการเรียกค่าเสียหายคาดว่าจะเสร็จสิ้นตามกำหนดในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หลังจากเรียกตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) มาชี้แจงในวันนี้
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. จะนำข้อสรุปดังกล่าวนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโทรคมนาคม (กทค.) ไม่เกินวันที่ 10 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะทำหนังสือเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมกับแจสโมบายฯอย่างเป็นทางการ
"คณะกรรมการมีผู้แทนจากสำนักงานกฤษฎีกา และอัยการก็จะพิจารณาละเอียดมาก ว่าจะเรียกค่าเสียหายส่วนไหนได้บ้าง ถ้าฟ้องศาลก็จะต้องฟ้องชนะ" นายฐากร กล่าว
ชุดกระชับส่วนผู้ชาย
18 พ.ค. 2559 16:18 ชุดกระชับส่วน
ตัวแทนจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) คือ นายสุทธิชัย ชื่นชูศิลป์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานธุรกิจสัมพันธ์และพัฒนา และนายอุทัย เพ็ญรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการส่วนงานกฎหมาย เข้ายื่นคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ย่าน 900 MHz ต่อสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. พร้อมทั้งวางหลักประกัน 3,783 ล้านบาท เพื่อเข้าประมูลแข่งราคาในวันที่ 27 พ.ค.59 นี้
ขณะที่คู่แข่งรายสำคัญทั้ง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามายื่นเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า ทางบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลสเน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ส่งตัวแทนเข้ายื่นเอกสารเพื่อเข้าประมูลคลื่นความถี่ย่าน 900 MHz พร้อมวางหลักค้ำประกันเป็นแบงก์การันตีของธนาคารกรุงเทพ(BBL) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มูลค่า 3,783 ล้านบาทตามกำหนด
หลังจากนี้ในวันที่ 23 พ.ค.จะเข้าสู่กระบวนกการประกาศคุณสมบัติของผู้เข้าประมูล หลังจากนั้นคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ก็จะตรวจสอบและประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ และในวันที่ 25 พ.ค.จะเข้าสู่การทดสอบระบบประมูล (MOC Auction) ก่อนที่จะมีการเคาะราคาในวันที่ 27 พ.ค.โดยจะเริ่มเปิดต้นการประมูลตั้งแต่เวลา 9.00 น.เป็นต้นไป ณ ราคาตั้งต้น 75,654 ล้านบาท
นายฐากร กล่าวว่า แม้ว่าอาจมีผู้ประมูลเพียงรายเดียว คือ AWN เพราะยังไม่มีรายอื่นเข้ามยื่นเอกสารในขณะนี้ แต่กระบวนการก็จะต้องจัดประมูลตามที่ กสทช.กำหนดไว้ทุกกระบวนกการ โดยผู้เข้าประมูลจะต้องเคาะเพื่อยืนยันที่ราคาตั้งต้นเป็นครั้งแรก ซึ่งหากมีรายเดียวก็จะเป็นผู้ชนะการประมูลครั้งนี้ในการเคาะครั้งแรกดังกล่าวชุดกระชับส่วน
นอกจากนี้ หลังการประมูลดำเนินการเสร็จสิ้น ทางสำนักงาน กสทช.จะส่งผลการประมูลให้ กสทช.พิจารณารับรองผลในวันเดียวกัน เพื่อให้กระบวนการเปิดใช้งาน 4G บนคลื่น 900 MHz ในส่วนที่เหลือดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด โดย AWN จะมีระยะเวลาในการนำเงินมาชำระค่าประมูลภายใน 90 วันหลังจากสรุปผลการประมูล ซึ่งคาดว่าคงจะนำมาชำระก่อน 30 มิ.ย.59
นายฐากร กล่าวอีกว่า สำหรับการจัดประมูลครั้งนี้เบื้องต้นคาดว่าจะใช้งบประมาณราว 18 ล้านบาท แต่คงใช้ไม่ถึง โดยอาจจะใช้เพียง 10 ล้านบาท ซึ่งกสทช.จะนำไปรวมเรียกค่าเสียหายจาก บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ นอกเหนือจากที่ริบเงินวางประกัน จำนวน 644 ล้านบาท โดยกระบวนการเรียกค่าเสียหายคาดว่าจะเสร็จสิ้นตามกำหนดในวันที่ 28 พ.ค.นี้ หลังจากเรียกตัวแทนจากธนาคารกรุงเทพ (BBL) มาชี้แจงในวันนี้
ทั้งนี้ สำนักงาน กสทช. จะนำข้อสรุปดังกล่าวนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโทรคมนาคม (กทค.) ไม่เกินวันที่ 10 มิ.ย.นี้ จากนั้นจึงจะทำหนังสือเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติมกับแจสโมบายฯอย่างเป็นทางการ
"คณะกรรมการมีผู้แทนจากสำนักงานกฤษฎีกา และอัยการก็จะพิจารณาละเอียดมาก ว่าจะเรียกค่าเสียหายส่วนไหนได้บ้าง ถ้าฟ้องศาลก็จะต้องฟ้องชนะ" นายฐากร กล่าว
ชุดกระชับส่วนผู้ชาย
Wednesday, May 4, 2016
ส่อแววถูกปรับอีกหลายพันล้านดอลลาร์จากเหตุเขื่อนพังในบราซิล
บีเอชพี บิลลิตัน ส่อแววถูกปรับอีกหลายพันล้านดอลลาร์จากเหตุเขื่อนพังในบราซิล
4 พ.ค. 2559 15:57 ดูดไขมัน
บริษัท บีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ระดับโลก อาจจะโดนปรับเพิ่มเป็นเงินอีกหลายพันล้านดอลลาร์ หลังจากเจ้าหน้าที่อัยการของบราซิลเริ่มสอบสวนบริษัทโซมาร์โค ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในเครือ จากเหตุเขื่อนพังและส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 รายในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
แถลงการณ์ของสำนักงานอัยการระบุว่า การฟ้องคดีแพ่งต่อบริษัทโซมาร์โค ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกับบีเอชพี บริษัทเวลซึ่งเป็นเอกชนยักษ์ใหญ่ของบราซิล รวมไปถึงรัฐบาลบราซิล และอีก 2 รัฐที่ได้รับผลกระทบจากการพังทลายของเขื่อน เป็นผลมาจากการสืบสวนเป็นเวลา 6 เดือนของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
แถลงการณ์ของสำนักงานอัยการระบุว่า การฟ้องคดีแพ่งต่อบริษัทโซมาร์โค ซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกับบีเอชพี บริษัทเวลซึ่งเป็นเอกชนยักษ์ใหญ่ของบราซิล รวมไปถึงรัฐบาลบราซิล และอีก 2 รัฐที่ได้รับผลกระทบจากการพังทลายของเขื่อน เป็นผลมาจากการสืบสวนเป็นเวลา 6 เดือนของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น
เอกสารขนาด 359 แผ่นมีข้อร้องเรียนมากกว่า 200 หัวข้อเกี่ยวกับความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ เศรษฐกิจ และสังคม อันเกิดจากเหตุภัยพิบัติต่อสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงของบราซิลนี้ สำนักงานอัยการประเมินว่า ค่าความเสียหายน่าจะอยู่ที่ 1.55 แสนล้านเรียล (4.35 หมื่นล้านดอลลาร์)
บีเอชพีระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ว่า บริษัทยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่ยังคงมีพันธกิจในการให้ความช่วยเหลือแก่โซมาร์โคในการก่อสร้างฟื้นฟูชุมชนและสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการพังทลายของเขื่อน ดูดไขมัน
เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุเขื่อน 3 ชั้นของบริษัทโซมาร์โคพังทลาย ส่งผลให้หมู่บ้านและเมืองในพื้นที่ใกล้เคียงได้รับความเสียหายและประชาชนเสียชีวิต 19 คน ในขณะที่ประชาชนกว่า 2.5 แสนคนขาดน้ำดื่ม
นักวิทยาศาสตร์รู้สึกตกใจกับระดับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากปริมาณเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิกจำนวน 20,000 สระไหลทะลักลงสู่แม่น้ำริโอ โดเซ ส่งผลให้ปลาตายและพัดพาซากปลาลงสู่ทะเลจำนวนหลายหมื่นตัว
บีเอชพีระบุว่า บริษัทเวลสามารถทำข้อตกลงกับรัฐบราซิลได้ในอีกการฟ้องร้องอีกคดีเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจ่ายชดเชยค่าความเสียหายในระยะยาว สำนักข่าวซินหัวรายงาน
Subscribe to:
Posts (Atom)